วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

สรุปหลังสอบกลางภาค

1.Social Analytics คือ การเปรียบเทียบ วิเคราะห์ แปลความหมายของปฏิสัมพันธ์และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เราจะพบความสามารถดังกล่าวในซอฟต์แวร์ระบบสังคมซึ่งจะถูกใช้ในการทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และบน Social Web


2.NFC Payment  หรือ Near Field Communication Payment คือ NFC เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุแบบหนึ่ง ถือเป็นซับเซ็ตของเทคโนโลยี RFID ที่ใช้กันแพร่หลายในการค้าปลีกและลอจิสติกส์ (บัตรทางด่วน EasyPass ก็ใช้เทคโนโลยี RFID) ความต่างของ NFC กับ RFID อยู่ที่ระยะทำการ กรณีของ RFID ทั่วไปมีรัศมีทำการประมาณ 2 เมตร ส่วน NFC ถูกดัดแปลงให้เหมาะกับการจ่ายเงินที่ใช้การสัมผัสในระยะใกล้ ต้องการความปลอดภัยที่สูงกว่า จึงทำงานที่ระยะไม่เกิน 10 เซนติเมตร
การใช้งาน RFID/NFC สามารถนำไปใช้กับงานได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งในกรณีนี้จะสนใจเฉพาะการนำ NFC ไปใช้กับระบบจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น


ตัวอย่างการใช้งาน NFC ในรูปแบบต่างๆ (ภาพจาก NFC Forum)มาตรฐานการสื่อสารด้วย NFC ถูกดูแลโดยองค์กรกลางที่ชื่อว่า NFC Forum ซึ่งทำหน้าที่ออกมาตรฐาน NFC และทดสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์แต่ละชนิด สมาชิกของ NFC Forum ประกอบด้วยบริษัทอิเล็กทรอนิกส์และบริษัทไอทีชั้นนำทั่วโลก เช่น โนเกีย ไมโครซอฟท์ โซนี่ ซัมซุง วีซ่า เป็นต้นนอกจากนี้ในอนาคตยังจะมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ NFC เช่น กล้องดิจิทัล และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบอื่นๆ โดยจะมีตราสัญลักษณ์ N Mark กำกับ


3.Speech to Speech Translation  คือ เป้าหมายของงานแปลของเราการพูดเป็นคำพูดที่จะช่วยให้การสื่อสารด้วยเสียงง่ายข้ามอุปสรรคทางภาษาโดยใช้ PDA มือถือที่มีไมโครโฟน การใช้ระบบการดำเนินการที่พูดภาษาอังกฤษถามภาษาต่างประเทศที่พูดภาษาคำถามง่ายๆ  



4.Internet TV คือ ทีวีที่มีนวัตกรรมพิเศษในการเข้าชมเว็บไซต์ผ่านทาง web Browser และใช้งาน Widget แอพพลิเคชั่นขนาดเล็ก โดยเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตกับตัวเครื่องทีวี การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตกับทีวีมี 2 แบบ แบบใช้สาย LAN (Wired) โดยเชื่อมต่อสาย LAN เข้ากับพอร์ตช่องต่อสาย LAN ของทีวีได้เลย แบบไร้สาย (Wireless) Wireless Router ก็สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ทันที ทีวีบางรุ่นต้อง USB WiFi Dongle ก่อน แต่บางรุ่นก็มี WiFi Built-in มาในตัวเครื่อง Internet TV หรือ Smart TV ทำอะไรได้บ้าง Web Browser สัมผัสประสบการณ์ออนไลน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่เหนือกว่าการค้นหาสั่งซื้อ เชื่อต่อ สร้างเครือข่ายทุกอย่างได้เสมือนใช้งานคอมพิวเตอร์ TV Online สามารถเลือกชมทีวี ย้อนหลัง หรือเลือกดูรายการที่ชื่นชอบได้ โดยไม่ต้องยึดตึดกับช่วงเวลาอีกต่อไป Skype บนทีวี ช่วยให้คุณใช้บริการฟรีสำหรับการโทรติดต่อทางวิดิโอ Skype-to-Skype ได้ทุกที่ทัวโลกเพียงแค่เสียบกล้องทีวีก็พร้อมใช้งานได้ทันที Social TV แบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อนและครอบครับ ให้คุณเขียนบล็อก และสนทนาผ่านทางเว็บไซต์และบริการต่างๆ อย่าง Facebook,Twitter และ Google Talk ขณะที่คุณกำลังรับชมรายการโทรทัศน์ Application สามารถดาวน์โหลดแอพที่น่าสนใจ เช่น ข่าวสาร เช็คตลาดหุ้น ดูสภาพการจราจร ดูรอบโรงภาพยนต์ มาติดตั้งบนตัวเครื่องเพื่อใช้งานแบบหลักการเดียวกับโทรศัพท์มือถือ Smart Phone ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ แผนที่ และข้อมูลตลาดหุ้น Magic Motion Remote Control เพียงแค่ปุ่มเดียวก็ควบคุมได้ทุกอย่าง หลักการทำงานก็จะคล้ายกับ Wireless Mouse แค่ชี้ไปบนเมนูที่แสดงอยู่บนทีวีแล้วกดปุ่มเลือก คุณก็สามารถควบคุมการใช้งานทีวีได้ง่ายขึ้น ไหลลื่นทุกความบันเทิงการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตกับทีวีมี 2 แบบ แบบใช้สาย LAN (Wired) โดยเชื่อมต่อสาย LAN เข้ากับพอร์ตช่องต่อสาย LAN ของทีวีได้เลยแบบไร้สาย (Wireless) Wireless Router ก็สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ทันที ทีวีบางรุ่นต้อง USB WiFi Dongle ก่อน แต่บางรุ่นก็มี WiFi Built-in มาในตัวเครื่องInternet TV หรือ Smart TV ทำอะไรได้บ้างWeb Browser สัมผัสประสบการณ์ออนไลน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่เหนือกว่าการค้นหาสั่งซื้อ เชื่อต่อ สร้างเครือข่ายทุกอย่างได้เสมือนใช้งานคอมพิวเตอร์TV Online สามารถเลือกชมทีวี ย้อนหลัง หรือเลือกดูรายการที่ชื่นชอบได้ โดยไม่ต้องยึดตึดกับช่วงเวลาอีกต่อไปSkype บนทีวี ช่วยให้คุณใช้บริการฟรีสำหรับการโทรติดต่อทางวิดิโอ Skype-to-Skype ได้ทุกที่ทัวโลกเพียงแค่เสียบกล้องทีวีก็พร้อมใช้งานได้ทันทีSocial TV แบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อนและครอบครับ ให้คุณเขียนบล็อก และสนทนาผ่านทางเว็บไซต์และบริการต่างๆ อย่าง Facebook,Twitter และ Google Talk ขณะที่คุณกำลังรับชมรายการโทรทัศน์Application สามารถดาวน์โหลดแอพที่น่าสนใจ เช่น ข่าวสาร เช็คตลาดหุ้น ดูสภาพการจราจร ดูรอบโรงภาพยนต์ มาติดตั้งบนตัวเครื่องเพื่อใช้งานแบบหลักการเดียวกับโทรศัพท์มือถือ Smart Phone ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ แผนที่ และข้อมูลตลาดหุ้นMagic Motion Remote Control เพียงแค่ปุ่มเดียวก็ควบคุมได้ทุกอย่าง หลักการทำงานก็จะคล้ายกับ Wireless Mouse แค่ชี้ไปบนเมนูที่แสดงอยู่บนทีวีแล้วกดปุ่มเลือก คุณก็สามารถควบคุมการใช้งานทีวีได้ง่ายขึ้น ไหลลื่นทุกความบันเทิง

5.3D Printion คือ กระบวนการทำต้นแบบให้เป็นของจริงที่เราสามารถจับต้องได้ (Three dimensional solid) ในปัจจุบันจะใช้ต้นแบบทางดิจิตอล (Digital Model)อ้างอิง http://www.thai3dprint.com/?p=70


6.RFID (Radio Frequency Identification) คือ RFID ย่อมาจากคำว่า Radio Frequency Identification เป็นระบบฉลากที่ได้ถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 โดยที่อุปกรณ์ RFID ที่มีการประดิษฐ์ขึ้นใช้งานเป็นครั้งแรกนั้น เป็นผลงานของ Leon Theremin ซึ่งสร้างให้กับรัฐบาลของประเทศรัสเซียในปี ค.ศ. 1945 ซึ่งอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาในเวลานั้นทำหน้าที่เป็นเครื่องมือดักจับสัญญาณ ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวระบุเอกลักษณ์อย่างที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน RFID ในปัจจุบันมีลักษณะเป็นป้ายอิเล็กทรอนิกส์ (RFID Tag) ที่สามารถอ่านค่าได้โดยผ่านคลื่นวิทยุจากระยะห่าง เพื่อตรวจ ติดตามและบันทึกข้อมูลที่ติดอยู่กับป้าย ซึ่งนำไปฝังไว้ในหรือติดอยู่กับวัตถุต่างๆเช่น ผลิตภัณฑ์ กล่อง หรือสิ่งของใดๆ สามารถติดตามข้อมูลของวัตถุ 1 ชิ้นว่า คืออะไร ผลิตที่ไหน ใครเป็นผู้ผลิต ผลิตอย่างไร ผลิตวันไหน และเมื่อไร ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนกี่ชิ้น และแต่ละชิ้นมาจากที่ไหน รวมทั้งตำแหน่งที่ตั้งของวัตถุนั้น ๆ ในปัจจุปันว่าอยู่ส่วนใดในโลก โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการสัมผัส (Contact-Less) หรือต้องเห็นวัตถุนั้นๆ ก่อน ทำงานโดยใช้เครื่องอ่านที่สื่อสารกับป้ายด้วยคลื่นวิทยุในการอ่านและเขียนข้อมูล RFID มีข้อได้เปรียบเหนือกว่าระบบบาร์โค้ดดังนี้ w มีความละเอียด และสามารถบรรจุข้อมูลได้มากกว่า ซึ่งทำให้สามารถแยกความแตกต่างของสินค้าแต่ละ ชิ้นแม้จะเป็น SKU (Stock Keeping Unit – ชนิดสินค้า) เดียวกันก็ตาม ความเร็วในการอ่านข้อมูลจากแถบ RFID เร็วกว่าการอ่านข้อมูลจากแถบบาร์โค้ดหลายสิบเท่า สามารถอ่านข้อมูลได้พร้อมกันหลาย ๆ แถบ RFID สามารถส่งข้อมูลไปยังเครื่องรับได้โดยไม่จำเป็นต้องนำไปจ่อในมุมที่เหมาะสมอย่างการใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ด (Non-Line of Sight) ค่าเฉลี่ยของความถูกต้องของการอ่านข้อมูลด้วยเทคโนโลยี RFID นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 99.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ความถูกต้องของการอ่านข้อมูลด้วยระบบบาร์โค้ดอยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์ สามารถเขียนทับข้อมูลได้ จึงทำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ซึ่งจะลดต้นทุนของการผลิตป้ายสินค้า ซึ่งคิดเป็นประมาณ 5% ของรายรับของบริษัท สามารถขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการอ่านข้อมูลซ้ำที่อาจเกิดขึ้นจากระบบบาร์โค้ด ความเสียหายของป้ายชื่อ (Tag) น้อยกว่าเนื่องจากไม่จำเป็นต้องติดไว้ภายนอกบรรจุภัณฑ์ ระบบความปลอดภัยสูงกว่า ยากต่อการปลอมแปลงและลอกเลียนแบบ ทนทานต่อความเปียกชื้น แรงสั่นสะเทือน การกระทบกระแทกRFID ในปัจจุบันมีลักษณะเป็นป้ายอิเล็กทรอนิกส์ (RFID Tag) ที่สามารถอ่านค่าได้โดยผ่านคลื่นวิทยุจากระยะห่าง เพื่อตรวจ ติดตามและบันทึกข้อมูลที่ติดอยู่กับป้าย ซึ่งนำไปฝังไว้ในหรือติดอยู่กับวัตถุต่างๆเช่น ผลิตภัณฑ์ กล่อง หรือสิ่งของใดๆ สามารถติดตามข้อมูลของวัตถุ 1 ชิ้นว่า คืออะไร ผลิตที่ไหน ใครเป็นผู้ผลิต ผลิตอย่างไร ผลิตวันไหน และเมื่อไร ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนกี่ชิ้น และแต่ละชิ้นมาจากที่ไหน รวมทั้งตำแหน่งที่ตั้งของวัตถุนั้น ๆ ในปัจจุปันว่าอยู่ส่วนใดในโลก โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการสัมผัส (Contact-Less) หรือต้องเห็นวัตถุนั้นๆ ก่อน ทำงานโดยใช้เครื่องอ่านที่สื่อสารกับป้ายด้วยคลื่นวิทยุในการอ่านและเขียนข้อมูล RFID มีข้อได้เปรียบเหนือกว่าระบบบาร์โค้ดดังนี้ มีความละเอียด และสามารถบรรจุข้อมูลได้มากกว่า ซึ่งทำให้สามารถแยกความแตกต่างของสินค้าแต่ละ ชิ้นแม้จะเป็น SKU (Stock Keeping Unit – ชนิดสินค้า) เดียวกันก็ตามความเร็วในการอ่านข้อมูลจากแถบ RFID เร็วกว่าการอ่านข้อมูลจากแถบบาร์โค้ดหลายสิบเท่าสามารถอ่านข้อมูลได้พร้อมกันหลาย ๆ แถบ RFIDสามารถส่งข้อมูลไปยังเครื่องรับได้โดยไม่จำเป็นต้องนำไปจ่อในมุมที่เหมาะสมอย่างการใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ด (Non-Line of Sight)ค่าเฉลี่ยของความถูกต้องของการอ่านข้อมูลด้วยเทคโนโลยี RFID นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 99.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ความถูกต้องของการอ่านข้อมูลด้วยระบบบาร์โค้ดอยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์สามารถเขียนทับข้อมูลได้ จึงทำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ซึ่งจะลดต้นทุนของการผลิตป้ายสินค้า ซึ่งคิดเป็นประมาณ 5% ของรายรับของบริษัทสามารถขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการอ่านข้อมูลซ้ำที่อาจเกิดขึ้นจากระบบบาร์โค้ดความเสียหายของป้ายชื่อ (Tag) น้อยกว่าเนื่องจากไม่จำเป็นต้องติดไว้ภายนอกบรรจุภัณฑ์ระบบความปลอดภัยสูงกว่า ยากต่อการปลอมแปลงและลอกเลียนแบบทนทานต่อความเปียกชื้น แรงสั่นสะเทือน การกระทบกระแทก

7.sCRM คือ Social CRM นั้นย่อมาจาก Social Customer Relationship Management แปลเป็นไทยว่าการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ทางสังคม คุณจะรับรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ที่เรียกว่า Social Customer Relationship Management (SCRM) ซึ่งมันเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงสุดๆอยู่ในช่วงนี้ จนสุดยอดกรูการตลาดยกให้เป็นหนึ่งกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจของปี 2012 เลยที่เดียว ส่วนด้ารล่างนี้คือบางส่วนสำคัญ ที่จะต้องพิจารณาเมื่อคิดเกี่ยวกับ การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ทางสังคม (Social CRM) Social CRM เป็นกลยุทธ์แรกที่มักจะได้รับการถูกสนับสนุนโดยเครื่องมือ และเทคโนโลยีต่างๆ โดย Social CRM จะป็นกลยุทธ์ที่จะอยู่บนรอบๆ สิ่งที่ดึงดูดและโต้ตอบกับการติดต่อกับลูกค้า เช็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคม ซึ่งจะกลายเป็นผลพลอยได้ของแบรนด์ที่ใช้ Social CRM Social CRM ก็ยังคมเป็นเกี่ยวกับ CRM แต่ถูกวิวัฒนาการขึ้นมา หมายถึงกระบวนการหลังบ้านและระบบสำหรับการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและข้อมูลทีมีประสิทธิภาพและแนวทางที่เป็นศูนย์กลาง Social CRM จะหมายถึงการสร้างความแตกต่างให้กับองค์กรที่แตกต่าง กุญแจสำคัญคือความสามารถในการทำความเข้าใจกับความท้าทายทางธุรกิจ ที่คุณกำลังมองหาทางแก้ไขปัญหา และแก้ไขมัน Social CRM เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพัฒนาสังคมหรือธุรกิจร่วมกันทั้งภายในและภายนอกคุณจะรับรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ที่เรียกว่า Social Customer Relationship Management (SCRM) ซึ่งมันเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงสุดๆอยู่ในช่วงนี้ จนสุดยอดกรูการตลาดยกให้เป็นหนึ่งกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจของปี 2012 เลยที่เดียวส่วนด้ารล่างนี้คือบางส่วนสำคัญ ที่จะต้องพิจารณาเมื่อคิดเกี่ยวกับ การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ทางสังคม (Social CRM)Social CRM เป็นกลยุทธ์แรกที่มักจะได้รับการถูกสนับสนุนโดยเครื่องมือ และเทคโนโลยีต่างๆ โดย Social CRM จะป็นกลยุทธ์ที่จะอยู่บนรอบๆ สิ่งที่ดึงดูดและโต้ตอบกับการติดต่อกับลูกค้า เช็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคม ซึ่งจะกลายเป็นผลพลอยได้ของแบรนด์ที่ใช้ Social CRMSocial CRM ก็ยังคมเป็นเกี่ยวกับ CRM แต่ถูกวิวัฒนาการขึ้นมา หมายถึงกระบวนการหลังบ้านและระบบสำหรับการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและข้อมูลทีมีประสิทธิภาพและแนวทางที่เป็นศูนย์กลางSocial CRM จะหมายถึงการสร้างความแตกต่างให้กับองค์กรที่แตกต่าง กุญแจสำคัญคือความสามารถในการทำความเข้าใจกับความท้าทายทางธุรกิจ ที่คุณกำลังมองหาทางแก้ไขปัญหา และแก้ไขมันSocial CRM เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพัฒนาสังคมหรือธุรกิจร่วมกันทั้งภายในและภายนอก

8.Cloud Compution คือ วิธีการประมวลผลที่อิงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถระบุความต้องการไปยังซอฟต์แวร์ของระบบCloud Computing จากนั้นซอฟต์แวร์จะร้องขอให้ระบบจัดสรรทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความต้อง การผู้ใช้ ทั้งนี้ระบบสามารถเพิ่มและลดจำนวนของทรัพยากร รวมถึงเสนอบริการให้พอเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ได้ตลอดเวลา โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบเลยว่าการทำงานหรือเหตุการณ์เบื้องหลังเป็น เช่นไร ผมได้นิยามคำว่า Cloud Computing ในรูปแบบที่ (น่าจะ) เข้าใจง่ายขึ้นที่ นิยามคำว่า Cloud Computing ภาค 2 สำหรับท่านที่กำลังค้นหาหัวข้อวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับ Cloud Computing สามารถไปอ่านบทความของผมได้ในหัวข้อชื่อ หมวดงานวิจัยเกี่ยวกับ Cloud Computing รายละเอียดของนิยามมีอีกครับ เข้ามาติดตามได้เลย ผมขอนิยามความหมายของคำหลักๆ 3 คำที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Computing ต่อไปนี้ ความต้องการ (Requirement) คือโจทย์ปัญหาที่ผู้ใช้ต้องการให้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ไขปัญหาหรือตอบปัญหาตาม ที่ผู้ใช้กำหนดได้ ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 1,000,000 GB, ความต้องการประมวลผลโปรแกรมแบบขนานเพื่อค้นหายารักษาโรคไข้หวัดนกให้ได้สูตร ยาภายใน 90 วัน, ความต้องการโปรแกรมและพลังการประมวลผลสำหรับสร้างภาพยนต์แอนนิเมชันความยาว 2 ชั่วโมงให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน, และความต้องการค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวและโปรแกรมทัวร์ในประเทศอิตาลีในราคา ที่ถูกที่สุดในโลกแต่ปลอดภัยในการเดินทางด้วย เป็นต้น ทรัพยากร (Resource) หมายถึง ปัจจัยหรือสรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลหรือเกี่ยวข้องกับการแก้ไข ปัญหาตามโจทย์ที่ความต้องการของผู้ใช้ได้ระบุไว้ อาทิเช่น CPU, Memory (เช่น RAM), Storage (เช่น harddisk), Database, Information, Data, Network, Application Software, Remote Sensor เป็นต้น บริการ (Service) ถือว่าเป็นทรัพยากร และในทางกลับกันก็สามารถบอกได้ว่าทรัพยากรก็คือบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านCloud Computingแล้ว เราจะใช้คำว่าบริการแทนคำว่าทรัพยากร คำว่าบริการหมายถึงการกระทำ (operation) เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สนองต่อความต้องการ (requirement) แต่การกระทำของบริการจะเกิดขึ้นได้จำเป็นต้องพึ่งพาทรัพยากร โดยการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดผลลัพธ์สนองต่อความต้อง การ ผมได้นิยามคำว่า Cloud Computing ในรูปแบบที่ (น่าจะ) เข้าใจง่ายขึ้นที่ นิยามคำว่า Cloud Computing ภาค 2 สำหรับท่านที่กำลังค้นหาหัวข้อวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับ Cloud Computing สามารถไปอ่านบทความของผมได้ในหัวข้อชื่อ หมวดงานวิจัยเกี่ยวกับ Cloud Computing รายละเอียดของนิยามมีอีกครับ เข้ามาติดตามได้เลย ผมขอนิยามความหมายของคำหลักๆ 3 คำที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Computing ต่อไปนี้ ความต้องการ (Requirement) คือโจทย์ปัญหาที่ผู้ใช้ต้องการให้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ไขปัญหาหรือตอบปัญหาตาม ที่ผู้ใช้กำหนดได้ ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 1,000,000 GB, ความต้องการประมวลผลโปรแกรมแบบขนานเพื่อค้นหายารักษาโรคไข้หวัดนกให้ได้สูตร ยาภายใน 90 วัน, ความต้องการโปรแกรมและพลังการประมวลผลสำหรับสร้างภาพยนต์แอนนิเมชันความยาว 2 ชั่วโมงให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน, และความต้องการค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวและโปรแกรมทัวร์ในประเทศอิตาลีในราคา ที่ถูกที่สุดในโลกแต่ปลอดภัยในการเดินทางด้วย เป็นต้น ทรัพยากร (Resource) หมายถึง ปัจจัยหรือสรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลหรือเกี่ยวข้องกับการแก้ไข ปัญหาตามโจทย์ที่ความต้องการของผู้ใช้ได้ระบุไว้ อาทิเช่น CPU, Memory (เช่น RAM), Storage (เช่น harddisk), Database, Information, Data, Network, Application Software, Remote Sensor เป็นต้น บริการ (Service) ถือว่าเป็นทรัพยากร และในทางกลับกันก็สามารถบอกได้ว่าทรัพยากรก็คือบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านCloud Computingแล้ว เราจะใช้คำว่าบริการแทนคำว่าทรัพยากร คำว่าบริการหมายถึงการกระทำ (operation) เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สนองต่อความต้องการ (requirement) แต่การกระทำของบริการจะเกิดขึ้นได้จำเป็นต้องพึ่งพาทรัพยากร โดยการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดผลลัพธ์สนองต่อความต้องการ

9.4G Standaed คือ เทคโนโลยี 4จี เป็นเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงชนิดพิเศษ หรือเป็นเส้นทางด่วนสำหรับข้อมูลที่ไม่ต้องอาศัยการลากสายเคเบิล โดยระบบเครือข่ายใหม่นี้ จะสามารถใช้งานได้แบบไร้สาย รวมถึงคุณสมบัติการเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ

10.Virtual Worlds คือ โลกเสมือน 3 มิติที่ถูกสร้างขึ้นใน Cyber Space โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปผ่านการเชื่อมโยงทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ทต่างๆ โดยเน้นให้ผู้เล่นหรือผู้ใช้ทั่วโลก ต่างมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลาย อิทธิพลของ Virtual World ส่งผลให้เด็กและเยาวชน และผู้ใหญ่เอง เกิดความหลงใหล มีจำนวนผู้เข้าไปในโลกแห่งนี้ทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โลกเสมือน 3 มิติหรือโลกเสมือนจริง ในปัจจุบัน มีตัวอย่างให้พวกเราได้เห็นกันหลายรูปแบบ อาทิ

เครือข่ายสังคม เช่น Hi5, Facebook เครือข่ายฝูงชน เช่น Crowd source - Wikipedia






2.1 ข้อดี : ผู้เข้าชมสามารถอ่านได้อย่างเดียวเป็นเทคโนโลยีที่สามารถที่สามารถแก้ไขข้อมูล หน้าตาของเว็บไซต์ได้เฉพาะผู้ดูแลเว็บไซต์


ข้อเสีย : เป็นเว็บที่ผู้เข้าเยี่ยมชมไม่สามารถมีส่วนร่วมกับเว็บดังกล่าวได้ ถือว่าเป็นเว็บรุ่นแรกของเทคโนโลยีเว็บไซต์




2.2 ข้อดี : ผู้เข้าชมสามารถอ่านและเขียนได้ ( Read-Write ) เป็นเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่พัฒนาต่อจาก web 1.0 เป็นเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ เช่น เว็บบอร์ด เว็บบล็อก วิพีเดีย เป็นต้น 


ข้อเสีย : อาจลบโพสหรือโต้ตอบในเชิงลบ



2.3 ข้อดี : ผู้ชมสามารถอ่าน เขียน จัดการ ( Read-Write-Execute )คือจากที่ผู้เข้าไปใช้อ่าน และเพิ่มข้อมูล ผู้ใช้ก็สามารถปรับแต่งข้อมูลหรือระบบได้เองอย่างอิสระมากขึ้น


ข้อเสีย : อาจจะเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์





3.1Weblog หรือ Blog 
ประโยชน์ :  สร้างง่ายไม่เสียเงิน ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ ไม่ต้องซื้อหนังสือเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์เล่มโต ซึ่งช่วยลดเวลาที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวของเราได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายในการเช้าพื้นที่บนอินเทอร์เน็ตอีกด้วย

โทษ : เจ้าของบล็อกมีอิสระในการนำเสนอบทความ โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบจากใครก่อน อาจโพสต์เรื่องที่ไม่เหมาะสมได้ ซึ่งเจ้าของบล็อก ต้องมีกติกาให้ตัวเอง หรือใช้จริยธรรมของแต่บุคคล ความมีเหตุมีผล ความระมัดระวัง รอบคอบในการโพสต์ข้อความต่างๆ 


3.2 Face book/Fan page
ประโยชน์ : 1.สามารถสื่อสารกับเพื่อนๆได้
2.facegook ทำให้เรารู้จักคนอื่นๆได้
3.ได้ยอดค้นเว็บไซต์มากขึ้น
4.ทำให้คนอื่นๆคลายเครียดได้
5.ได้ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
โทษ : 1.ทำให้เด็กเสียคนง่าย
2.ทำให้นักเรียนหรือนักศึกษาเสียการเรียน
3.ทำให้สายตาของเราเสียเพราะแสงสะท้อน
4.คนอื่นๆอาจจะหลอกเราได้
5.ทำให้เยาวชนไทยเชื่อมเสียได้ง่าย

3.3 YouTube ประโยชน์ : เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้ข้อมูลต่างๆซึ่งสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น การสอนการแต่งหน้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำความเข้าใจยาก ถ้าศึกษาจากหนังสือหรือนิตยสาร เราก็ไม่สามารถเห็นการลงมือปฏิบัติแต่งหน้าที่ชัดเจน เช่นการเลือกสี การลงสี และน้ำหนักหนัก-เบา แต่การศึกษาจาก youtube เราสามารถทำความเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
โทษ : เยาวชนอาจจะนำ youtube มาใช้ในทางที่ผิด เช่น การใช้กำลังในการแก้ปัญหา แล้วถ่ายคลิปลงใน youtube ทำให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับผู้ที่เข้ามาดูคลิปนี้

3.4 Web board

ประโยชน์ : 1.เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสาร ถามตอบ หรือประกาศข่าวสารต่างๆ

2.เป็น web2.0 ที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกันได้โดยการแสดงความคิดเห็น
3.ผู้ใช้หน้า homepage สามารถนำไปเป็นแหล่งที่สื่อสารหรือประกาศข่าวได้


โทษ : 1.ขาดการควบคุมให้เว็บบอร์ดเดินทางไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์
2.การที่ใครก็ได้สามารถเข้ามาโพส อาจจะมีผู้ไม่หวังดีโพสเนื้อหาที่ผิดกฏหมาย หากเราไม่เข้ามาดูแลเว็บและไม่ลบออก สิ่งนั้นจะเป็นผลเสียกับเรา

3.5 Dropbox
ประโยชน์ :  สามารถเก็บข้อมูลที่เราต้องการใช้งาน ไว้บนพื้นที่ออนไลน์ ทำให้เราสามารถเปิดไฟล์งานที่ต้องการได้จากคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆที่รองรับ โดยต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ทจึงทำให้เราสามารถสะดวกสบายในการทำงานนอกสถานที่ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไปด้วยให้ยุ่งยาก

โทษ :  มันต้อง Online ถ้าเราจะดึงงาน
มันซิงค์กับทุกอันที่เรา login เข้า
3.6 Messenger เช่น MSN
ประโยชน์ : สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
มีลูกเล่นในการใช้งานมากมาย สามารถส่งภาพได้ทีละหลายๆภาพโดยไม่เสียเวลา
โทษ : ให้บริการเฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกเท่านั้น หากต้องการใช้งานต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน
2.ไม่สามารถสนทนาได้หากไม่มีที่อยู่อีเมลของผู้ที่จะสนทนาด้วย
3.7 Twitter
ประโยชน์ :  สามารถติดต่อสื่อสารได้กับผู้คนมากมาย ข้อเสียคือ ทวิตเตอร์มีการจำกัดตัวอักษรในช่องเวลาเราพิมพ์

โทษ : มีการแอบอ้างชื่อบุคคลมีการจำกัดจำนวนตัวอักษร

3.8 Skype
ประโยชน์ :  ประหยัด คุยผ่านเน็ต แถมคุยกับเพื่อนเมืองนอกชิวล์ๆ ไม่เปลือง มีกล้องเว็บแคม

โทษ : ถ้าเปิดแล้ว จะมีคนเรียกเราอยู่บ่อยๆและต้องonlineตลอดเวลา

3.9 Line
ประโยชน์ :  สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย มีลูกเล่นในการใช้งานมากมาย
สามารถส่งภาพได้ทีละหลายๆภาพโดยไม่เสียเวลา
โทษ : ให้บริการเฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกเท่านั้น หากต้องการใช้งานต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน
2.ไม่สามารถสนทนาได้หากไม่มีIDของผู้ที่จะสนทนาด้วย
3.10  Whatsapp 
ประโยชน์ : สามารถใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการ  Whatsapp ออกแบบ App ออกมาสำหรับ ทุกระบบปฏิบัติการ ทั้ง iOS ของ iPhone Android, Symbian เช่น Nokia และ Blackberry หรือ BB

โทษ : สัญญาณหลุดบ่อยไม่มีการ์ตูนสติกเกอร์แสดงอารมณ์น่ารักๆ แชทได้แต่โทรฟรีไม่ได้
Add Friend ได้ทางเบอร์โทรศัพท์อย่างเดียว




4.1 ระบบปฏิบัติการ 3 ระบบ
Windows 7 >>> ได้รับการสร้างบนเคอร์เนล Vista ต่อผู้ใช้สุดท้ายจำนวนมาก การเปลี่ยนใหญ่ที่สุดระหว่าง Vista และ Windows 7 เร็วกว่าในเวลาบู๊ต การอินเตอร์เฟซผู้ใช้ใหม่และนอกเหนือจาก Internet Explorer 8 ระบบปฏิบัติการนี้มีให้อย่างกว้างขวาง

Windows 8 >>> ปรับเปลี่ยนโดยเน้นการใช้งานบนอุปกรณ์พกพาเช่น แท็บเล็ต เพื่อเป็นคู่แข่งกับระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์พกพาอื่น ๆ เช่น ไอโอเอสและแอนดรอยด์ และได้ปรับปรุงส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน (UI) ทีมีชื่อว่า Modern UI มีหน้าตาที่เรียบง่าย และสะดวกต่อการใช้งาน มีการอัปเดตแอปต่าง ๆ ตลอดเวลาด้วยระบบ Live Tiles และยังผนวกโปรแกรมป้องกันไวรัสเข้ามากับระบบปฏิบัติการโดยตรง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัสเพิ่มเติม

Window XP >>> เป็น เวอร์ชันของระบบปฏิบัติ Windows ระดับ desktop สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Microsoft มองว่า Windows XP เป็นเวอร์ชันสำคัญของ Windows นับตั้งแต่ Windows 95 โดย Windows XP สร้างขึ้นบน kernel ของ Windows 2000 แต่นำมุมมองส่วนบุคคลใหม่ ให้กับหน้าจอที่จะทำให้ง่าย สำหรับผู้ใช้ในค้นหา หรือนำเข้าภาพและเรียกไฟล์เพลงบนเว็บ และส่งผ่านมายัง เครื่องคอมพิวเตอร์

4.2 โปรแกรมสำนักงาน 2 โปรแกรม

Microsoft PowerPoint 2007 >>>เป็นโปรแกรมหนึ่งในตระกูล Microsoft Office เหมาะสำหรับการจัดสร้างงานนำเสนอข้อมูล (Presentation) สำหรับนำไปประยุกต์ใช้ในงานได้หลายประเภท เช่น การนำเสนอข้อมูลสินค้าและบริการ การจัดทำ Slide Show การออกแบบแผ่นพับ เป็นต้น

Microsoft Excel 2007 เป็นโปรแกรมประเภท สเปรดชีต (speadsheet) หรือโปรแกรมตารางงาน ซึ่งจะเก็บข้อมูลต่างๆลงบนแผ่นตารางงาน คล้ายกับการเขียนข้อมูลลงไปในสมุดที่มีการตีช่องตารางทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ซึ่งช่องตารางแต่ละช่องจะมีชื่อประจำแต่ละช่อง ทำให้ง่ายต่อการป้อนข้อมูล การแก้ไขข้อมูล สะดวกต่อการคำนวณและการำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ สามารถจัดข้อมูลต่างๆได้อย่างเป็นหมวดหมู่และเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น

4.3 โปรแกรมประเภทจำลองเครื่อง(Virtual Machine) 2 โปรแกรม


Virtual box

โปรแกรมจำลอง OS ต่างๆ ให้สามารถทำงานบน OS หลักได้และสร้าง OS อื่นๆ ออกมาทำงานพร้อมกัน หรือจะให้พูดง่ายๆแบบชาวบ้านก็คือ สามารถเปิด WindowsXP ได้หลาย Windows บนเครื่อง เครื่องเดียวแต่ในกรณีของพวกเราจะใช้ประโยชน์ ไม่ใช้Windows แต่เป็น Linux MultiWanแล้วที่ว่ามาโปรแกรม VirtualBox (โปรแกรมจำลอง)
1. ทำให้เราไม่ต้องซื้อเครื่องมาใหม่ ประหยัด ทำเครื่องเดียวก็ได้ 2. จัดการง่าย ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก 3. ประหยัดไฟ เพราะใช้เครื่องเดียว ไม่ต้องเปิดหลายเครื่อง
4. สามารถ BackUP เก็บไว้ได้ (ถึงเครื่องจะพังข้อมูลก็ไม่พังไปด้วย)

VMware โปรแกรม VMWare เป็นโปรแกรมที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อสร้างคอมพิวเตอร์เสมือน (Virtual Machine) ขึ้นบนระบบปฏิบัติการเดิมที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่นในรูปที่ 2 เป็นรูปที่แสดง ถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ลงระบบปฏิบัติการ Windows XP อยู่เดิม แล้วทำการลงระบบ ปฏิบัติการ Windows NT ผ่านโปรแกรม VMWare อีกทีหนึ่ง ซึ่งเมื่อลงแล้ว ทั้งสองระบบ สามารถทำงานพร้อมกันได้โดยแยกจากกันค่อนข้างเด็ดขาด (เสมือนเป็นคนละเครื่อง) โดยคอมพิวเตอร์เสมือนที่สร้างขึ้นมานั้น จะมีสภาพแวดล้อมเหมือนกับคอมพิวเตอร์ จริงๆ เครื่องหนึ่ง ซึ่งจะประกอบด้วย พื้นที่ดิสก์ที่ใช้ร่วมกับพื้นที่ดิสก์ของเครื่องนั้นๆ การ์ดแสดงผล การ์ดเน็ตเวิร์ก พื้นที่หน่วยความจำซึ่งจะแบ่งการทำงานมาจากหน่วยความจำของเครื่องนั้นๆ เช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น